MuralPainting@Supanburi

จิตรกรรมฝาผนัง จังหวัดสุพรรณบุรี

วัดปู่บัว

ที่ตั้ง
วัดปู่บัวตั้งอยู่บนถนนสาย 3558 สุพรรณบุรี-ชัยนาท ตำบลสนามชัย อำเภอเมืองสุพรรณบุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย
ประวัติวัด
วัดปู่บัว เดิมชื่อวัดปลูกบัว ต่อมาเพี้ยนเป็นวัดปู่บัว ตั้งขึ้นใน พ.ศ. 2476 ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน พ.ศ. 2478 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ. 2489 แผนผังวัดด้านทิศตะวันออกจดถนนสาธารณะสายสุพรรณบุรี-ศรีประจันต์ ทิศตะวันตกจรดแม่น้ำท่าจีน เสนาสนะประกอบด้วย พระอุโบสถกว้าง 8.5 ยาว 24 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2490 เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน ศาลาการเปรียญ กว้าง 20 เมตร ยาว 50 เมตร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2493 เป็นอาคารครึ่งตึกครึ่งไม้ชั้นเดียว นอกจากนี้ยังมีหอสวดมนต์ กุฏิ และศาลาเอนกประสงค์
สถานที่ที่มีจิตรกรรมฝาผนัง
อาคารที่ตั้งงานจิตรกรรมคือ ศาลาการเปรียญ

หันหน้าไปทางทิศตะวันออก เป็นศาลาโถงยกพื้นสูง ด้านบนเป็นอาคารไม้แบบไทยประเพณีประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ปัจจุบันติดเหล็กดัดโดยรอบ มีป้ายที่ทำด้วยระบุข้อความว่า “ศาลาหลังนี้พระภิกษุสามเณรประชาชนสร้างพระครูปัญญาสารวัฒน์ (โปร่ง) เป็นประธานเมื่อ พ.ศ. 2493” ภายในอาคารด้านท้ายยกพื้นไม้เป็นเวทีขนาดเตี้ย ๆ ที่ฝาผนังด้านทิศตะวันตกมีธรรมาสน์และโลงศพวางเก็บไว้ บริเวณคอสองมีจิตรกรรมสีฝุ่นแผ่นไม้ประดับอยู่จำนวน 42 ภาพ เพดานไม่มีภาพเขียน
จิตรกรรมฝาผนัง
คณะผู้วิจัยลำดับเนื้อหาของภาพโดยเริ่มจากฝั่งตะวันออกที่ติดกับทิศเหนือเป็นหมายเลข 1 เวียนตามเข็มนาฬิกา หมายเลข 1-32 เขียนเรื่องพุทธประวัติ หมายเลข 33-42 เป็นเรื่องทศชาติชาดก ภาพเขียนแต่ละภาพเขียนบนไม้จำนวน 5 แผ่น มาวางเรียงต่อกันแนวนอน หนึ่งช่วงเสามีภาพเขียน 3 ภาพ ยกเว้นด้านทิศตะวันตกและตะวันออกที่มีด้านละ 6 ภาพ คั่นแต่ละภาพด้วยลายหน้ากระดานรักร้อย สีที่ใช้คือ สีฝุ่นที่มีการรองพื้นบางมาก โครงสีโดยรวม ได้แก่ สีเหลือง น้ำตาลแดง น้ำเงิน ขาว และตัดเส้นด้วยสีดำ เป็นฝีมือช่างพื้นบ้าน ตัวภาพบุคคลมีขนาดใหญ่ มีการเขียนเส้นขอบฟ้า ฉากหลังหรือฉากทิวทัศน์ที่แสดงทัศนียภาพแบบตะวันตก ปัจจุบันภาพเขียนค่อนข้างลบเลือน บางภาพศึกษาเนื้อหาได้ยาก แผนผังงานจิตรกรรมศาลาการเปรียญ วัดปู่บัว ดังนี้


หมายเลข 1-6 ทิศตะวันออก


หมายเลข 1 : โพธิสัตว์ประทับบนแท่นที่อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยพระอินทร์และเหล่าเทพยดาทั้งหลายมาทูลเชิญให้เสด็จลงไปจุติในพระครรภ์ของพระนางสิริมหามายา
หมายเลข 2 : พระนางสิริมหามายาทรงสุบินนิมิตว่ามีช้างมาทำประทักษิณรอบพระองค์
หมายเลข 3 : พระนางสิริมหามายายืนประทับเหนี่ยวกิ่งไม้ให้กำเนิดเจ้าชายสิทธัตถะ


หมายเลข 4 : จิตรกรรมค่อนข้างลบเลือน ด้านขวาเป็นพระเจ้าสุทโธทนะและพระนางสิริมหามายาอัญเชิญพราหมณ์ทำนายพุทธลักษณะ ด้านซ้ายมือเป็นพระสิทธัตถะกุมารประทับยืน
หมายเลข 5 :
ด้านขวา เป็นพิธีแรกนาขวัญ
ด้านซ้าย เป็นพระสิทธัตถะกุมารทรงแสดงปาฏิหาริย์บรรลุปฐมฌานขณะประทับใต้ร่มไม้หว้า ฉากหลังเขียนแสดงระยะใกล้-ไกลด้วยเส้นเฉียงทำนองทัศนียวิทยา
หมายเลข 6 : เจ้าชายสิทธัตถะทรงสำแดงศิลปศาสตร์ ทรงยกสหัสถามธนูที่หนักเท่าคนจำนวนหนึ่งพันขณะอายุ 16 พรรษา

หมายเลข 7-21 ทิศใต้


หมายเลข 7 : ด้านซ้ายเป็นพระนางพิมพาให้ประสูติพระราหุล ด้านขวาเจ้าชายสิทธัตถะแสดงอาการเศร้าโศก
หมายเลข 8 : เจ้าชายสิทธัตถะทรงประพาสอุทยานและพบเทวทูตทั้งสี่ จึงเกิดความสังเวช ตัดสินพระทัยออกผนวช
หมายเลข 9 : เจ้าชายสิทธัตถะทรงร่ำลาพระนางพิมพาและพระราหุลเสด็จออกจากพระราชวัง


หมายเลข 10 : เจ้าชายสิทธัตถะทรงม้ากัญฐกะออกผนวช ด้านขวาพระยาวัสวดีมารยกมือขัดขวาง
หมายเลข 11 :
ด้านซ้าย เจ้าชายสิทธัตถะตัดพระเมาลีที่แม่น้ำอโนมา
ด้านขวา นายฉันนะและม้ากัณฐกะ
หมายเลข 12 : พระพุทธองค์ทรงบำเพ็ญเพียรโดยมีปัญจวัคคีย์เฝ้าปรนนิบัติ


หมายเลข 13 : เป็นพระพุทธองค์ประทับนั่ง มีนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาส


หมายเลข 14 : พระพุทธองค์ประทับนั่งแสดงปางมารวิชัยบนบัลลังก์เรียกนางธรณีมาเป็นพยาน ภาพส่วนที่เหลือลบเลือน
หมายเลข 15 : พระพุทธองค์ทรงบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ช่างวาดฉรรพพรรณรังสีแผ่ออกล้อมพระเศียร


หมายเลข 16 : พระพุทธองค์ประทับนั่ง มีบาตรหนึ่งใบอยู่เบื้องหน้า ด้านขวาเป็นเทวดา 4 องค์ ที่ยังมองเห็นมงกุฎที่สวมบนศีรษะ หมายถึงพุทธประวัติตอนท้าวจตุโลกบาลสถวายบาตร
หมายเลข 17 : จิตกรรรมลบเลือน สันนิษฐานจากภาพพระพุทธองค์ประทับนั่ง มีกลุ่มเทวดาหลายองค์ล้อมรอบ อาจหมายถึงพุทธประวัติตอนท้าวสหัมบดีพรหมพร้อมด้วยหมู่พรหมเข้าเฝ้าอาราธนาพระองค์แสดงธรรมแก่สัตว์โลก
หมายเลข 18 : พระพุทธองค์ประทับนั่งในป่าอิสิปตนมฤคทายวัน แสดงปฐมเทศนาพระธรรมจักรกัปปวัฒนสูตรโปรดปัญจวัคคีย์


หมายเลข 19 : พระพุทธองค์ประทับยืนแสดงธรรมโปรดชฎิลที่แต่งกายแบบฤษีนั่งอยู่ในศาลาด้านขวา
หมายเลข 20 : พระพุทธองค์ประทับนั่งแสดงธรรมต่อหน้าพระสงฆ์จำนวนมาก หมายถึงตอนแสดงโอวาทปาฏิโมกข์
หมายเลข 21 : พระพุทธองค์ประทับนั่งในปราสาท ภาพส่วนที่เหลือลบเลือน อาจหมายถึงฉากปราสาทของพระเจ้าพิมพิสารแห่งกรุงราชคฤห์ที่เสด็จสู่ลัฏฐิวัน (สวนตาลหนุ่ม) ต่อมาทรงถวายเวฬุวันให้เป็นอารามแห่งแรกในพระพุทธศาสนา

หมายเลข 22-27 ทิศตะวันตก

หมายเลข 22-24 : ลบเลือน


หมายเลข 25 :
ด้านซ้าย พระพุทธองค์ประทับนั่งบนบัลลก์
ด้านขวา เป็นโกศประดิษฐานในปราสาท หมายถึงพุทธประวัติตอนพระพุทธองค์ถวายพระเพลิงพุทธบิดา
หมายเลข 26 : ภาพลบเลือน อาจหมายถึงพระ​พุทธองค์เสด็จโปรดพุทธมารดาเพราะต่อเนื่องกับภาพหมายเลย 27 คือ ตอนพระพุทธองค์เสด็จกลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
หมายเลข 27 : ภาพค่อนข้างลบเลือนแต่ยังคงเห็นที่ทอดลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีพระพุทธองค์ประทับยืน ด้านล่างมีชาวเมืองสังกัสสนครมารอรับ

หมายเลข 28-42 ทิศเหนือ


หมายเลข 28 : ด้านซ้าย เป็นองคุลีมาลที่ถือดาบไล่ฟันพระพุทธองค์ที่อยู่ด้านขวา มีสตรีนางหนึ่งอยู่ด้านซ้ายสุดของภาพ
หมายเลข 29 : พระพุทธองค์ปรินิพพานท่ามกลางเทวดาและสาวก
หมายเลข 30 : พระมหากัสสปะเดินทางมาถึงและกราบที่โลงพระศพของพระศาสดา


หมายเลข 31 : เป็นภาพกำแพงเมืองและมีกองทัพที่เข้ามาขอแบ่งพระธาตุ
หมายเลข 32 : ตรงกลางเป็นภาพเจดีย์ที่ล่องลอยอยู่บนสวรรค์ มีกลุ่มเทวดาเหาะอยู่บนเมฆโดยรอบ
หมายเลข 33 : เป็นภาพพระเตมีย์ทดลองกำลังด้วยการกวัดแกว่งราชรถเพื่อแสดงพระองค์ว่าไม่ได้เป็นคนพิการ หมายถึงพระเตมีย์ชาดก


หมายเลข 34 : ด้านขวาเป็นเรือสำเภาที่ใบหัก ด้านซ้ายมีนางมณีเมขลาเหาะพาพระมหาชนกให้รอดพ้นจากอันตราย
หมายเลข 35 : ผนังค่อนข้างลบเลือน พอมองเห็นภาพสุวรรณสามกำลังล้มลงข้างบ่อน้ำหลังถูกศรกบิลยักขราช
หมายเลข 36 : พระเนมีราชประทับนั่งบนราชรถโดยมีสุนันท์สารถีพาไปชมนรก ด้านซ้ายเป็นรูปกระทะทองแดง


หมายเลข 37 : ภาพค่อนข้างลบเลือน แต่พอมองเห็นบุคคลสองคน คนที่อยู่ด้านขวากำลังเงื้อมือทำท่าข่มขู่ คนที่อยู่ด้านซ้ายนั่งเงยหน้ามอง จากการเรียงลำดับเนื้อหาทศชาติชาดก ภาพนี้จึงอาจหมายถึงพระมโหสถที่กำลังได้เปรียบเกวัฏพราหมณ์  
หมายเลข 38 : ภาพด้านซ้ายเป็นภาพพระภูริทัตต์ขดกายบำเพ็ญสมาธิบนจอมปลวก
หมายเลข 39 : ภาพค่อนข้างลบเลือน แต่พอมองเห็นบุคคลสองคน คนที่อยู่ด้านซ้ายนั่งอยู่ในอาคาร คนที่อยู่ด้านขวามีขนาดเล็กกว่าทำท่าเงื้อขวานจึงน่าจะหมายถึงพระอินทร์ จากการเรียงลำดับเนื้อหาทศชาติชาดก ภาพนี้จึงหมายถึง จันทกุมารชาดก


หมายเลข 40 : ภาพค่อนข้างลบเลือน แต่พอมองเห็นบุคคลด้านบนขวาหาบสาแหรกเหาะลงมา จากการเรียงลำดับเนื้อหาทศชาติชาดก ภาพนี้หมายถึง พรหมนารทชาดก
หมายเลข 41 : ภาพค่อนข้างลบเลือน ตรงกลางเป็นรูปปุณณกยักษ์จับปลายเท้าของวิธูรบัณฑิตเงื้อขึ้นฟาดกับภูเขา หมายถึง วิธูรชาดก
หมายเลข 42 : ภาพค่อนข้างลบเลือน ด้านซ้ายเป็นกำแพงเมืองและซุ้มประตูยอดปรางค์ ด้านขวามีฉากปราสาทมีบุคคลสวมมงกุฎนั่งอยู่ด้านใน มีศีรษะขนาดเล็ก 2 ศีรษะ ปรากฏอยู่ จากการเรียงลำดับเนื้อหาทศชาติชาดก ภาพนี้จึงหมายถึงพระเวสสันดรชาดก

ข้อสังเกต เมื่อพิจารณาเทคนิคการเขียนภาพที่เป็นฝีมือช่างพื้นบ้าน มีการต้นไม้ที่วาดเรียงกันขนาดเล็ก-ใหญ่แสดงระยะใกล้-ไกล บางภาพแสดงเส้นขอบฟ้าอย่างชัดเจน ขนาดภาพตัวบุคคลมีขนาดใหญ่ ห่างไกลความเป็นนาฏลักษณ์ ประกอบกับประวัติการสร้างศาลาใน พ.ศ. 2494 ทำให้กำหนดอายุจิตรกรรมที่ศาลาการเปรียญในเวลาเดียวกันคือ พ.ศ. 2494

เอกสารอ้างอิง
กรมการศาสนา. (2545). ประวัติวัดทั่วพระราชอาณาจักร เล่ม 21. กรุงเทพฯ: กรมศาสนา กระทรวงศึกษาธิการ.
กรมศิลปากร. (2533). จิตรกรรมไทยประเพณี หนังสือชุดที่ 001 เล่มที่ 1. กรุงเทพฯ: กรมศิลปากร.

ข้อมูลที่เผยแพร่ในเว็บไซต์นี้ เป็นผลจากการศึกษาวิจัย
เรื่อง การศึกษาจิตรกรรมฝาผนังจังหวัดสุพรรณบุรีเพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวบนฐานเศรษฐกิจชุมชน

ดำเนินการวิจัย โดย …
รองศาสตราจารย์ ดร.เนื้ออ่อน ขรัวทองเขียว
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.บรรพต พิจิตรกำเนิด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ฐิติยา เนตรวงษ์
มหาวิทยาลัยสวนดุสิต