| ที่มาของวัด |
วัดเทวราชกุญชร เป็นวัดโบราณที่สร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมเป็นวัดราษฎร์ ชาวบ้านเรียกว่า “วัดสมอแครง” เล่ากันว่าเพราะมีต้นสมอร่องแร่งมาก บ้างก็สันนิษฐานว่า “สมอ” เพี้ยนมาจากคำว่า “ถมอ” (ถะมอ) เป็นภาษาเขมร แปลว่า “หิน” วัดนี้คงเรียกกันครั้งแรกว่า “ถมอแครง” ซึ่งแปลว่า “หินแกร่ง” สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล ทรงปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ ต่อมาสมเด็จพระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษมนตรี พระโอรสของสมเด็จพระศรีสุดารักษ์ ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีของรัชกาลที่ 1 (ต้นสกุลมนตรีกุล) ทรงดำริให้สร้างพระพุทธรูปโลหะหล่อลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 4.35 เมตร สูงตั้งแต่ทับเกษตรถึงยอดเปลวรัศมี 5.65 เมตร ฝีมือช่างสมัยทวารวดี เป็นองค์ประธาน นิยมถวายผ้าไตรแทนดอกไม้ ธูป เทียน เพราะเชื่อว่าจะสร้างความศักดิ์สิทธิ์ในการกราบขอพรเป็นเท่าทวีคูณ ครั้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงสถาปนาเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามว่า “วัดเทวราชกุญชร” โดยคำว่า “เทวราช” แปลว่า “พระอินทร์” มานำหน้าพระนามของพระองค์เจ้ากุญชร ซึ่งแปลว่า “ช้าง” รวมความแล้วแปลว่า “ช้างพระอินทร์” ปัจจุบันกรมศิลปากรจดทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญ |
| |
|
| หอพระรัตนตรัย |
เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปางห้ามสมุทร |
| |
|
| พระมณฑปจัตุรมุข |
สร้างครอบพระอุโบสถเก่า เมื่อปี พ.ศ.2536 ภายในประดิษฐาน "หลวงพ่อดำ" พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา |
| |
|
| พระอุโบสถ |
พระอุโบสถ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 โดยพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ มีขนาดกว้าง 17 เมตร ยาว 36 เมตร มีเขตพัทธสีมา กว้าง 24 เมตร ยาว 43.50 เมตร เป็นอาคารแบบประเพณีนิยม ก่ออิฐถือปูน ลักษณะพระอุโบสถมีขนาดสูงใหญ่ มีเสาพาไลรองรับ ชายคาเสาเป็นแท่งสี่เหลี่ยม ไขราเป็นช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ หน้าบันเป็นงานไม้ประดับกระจกสีลายดอกพุดตาน ซุ้มประตูและหน้าต่างตกแต่งด้วยงานปูนเป็นซุ้มเรือนแก้ว หลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มีกำแพงแก้ว รอบพระอุโบสถ ที่มุมกำแพงแก้วมีเจดีย์ทั้งสี่มุม |
| |
|
| ศาลารายสุชาดา |
ตั้งอยู่ด้านซ้ายพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ปางไสยาสน์ ใช้เป็นสถานที่สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม สำหรับพระภิกษุสามเณร และพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย |
| |
|
| ศาลารายเภาลีนา |
ตั้งอยู่ด้านขวาพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูป ปางสมาธิ ใช้เป็นสถานที่สวดมนต์ และปฏิบัติธรรม สำหรับพระภิกษุสามเณร และพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย |
| |
|
| พิพิธภัณฑ์สักทอง |
อาคารพิพิธภัณฑ์สักทอง ลักษณะทรงปั้นหยาประยุกต์ 2 ชั้น กว้าง 16.75 เมตร ยาว 30.15 เมตร ใช้เสาไม้สักทองทั้งหลัง ขนาดเสา 2 คนโอบ มีอายุประมาณ 479 ปี ซึ่งมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่ง สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา อนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติในด้านสถาปัตยกรรม ภายในจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งเท่าพระองค์จริงของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 19 พระองค์ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา |
| |
|
| อาคารเทวราชธรรมสถิต |
เป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์ 3 ชั้น ขนาดกว้าง 9.50 เมตร ยาว 16 เมตร สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 84 พรรษา พ.ศ. 2554 และเป็นอาคารสำหรับพระภิกษุสามเณรใช้ในการประกอบศาสนกิจและศึกษาเล่าเรียน |
| |
|
| หลวงพ่อดำ |
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ที่มีความเก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ประดิษฐานอยู่ภายในพระมณฑปจตุรมุข |
| |
|
| พระพุทธดาวดึงส์เทวราช |
พระพุทธรูปสำริดปางอุ้มบาตรสมัยอยุธยา |
| |
|
| พระพุทธจักรพรรดิ |
พระพุทธรูปโบราณยุครัตนโกสินทร์ตอนต้น |
| |
|
| พระวิหาร |
ประดิษฐานพระพุทธรูปสมัยต่าง ๆ ทำด้วยทองเหลืองลงรักปิดทอง ขนาดหน้าตัก 19 นิ้ว สูง 43 นิ้ว จำนวน 9 องค์ |
| |
|
| พระพุทธเทวราชปฏิมากร |
พระพุทธรูปโลหะหล่อลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ฝีมือช่างสมัยก่อนกรุงศรีอยุธยา ประดิษฐานบนฐานชุกชี ขนาดหน้าตักกว้าง 4.35 เมตร สูงตั้งแต่ทับเกษตรถึงยอดเปลวรัศมี 5.65 เมตร ฝีมือช่างสมัยทวารวดี เป็นองค์ประธาน นิยมถวายผ้าไตรแทนดอกไม้ ธูป เทียน เพราะเชื่อว่าจะสร้างความศักดิ์สิทธิ์ในการกราบขอพรเป็นเท่าทวีคูณ |
| |
|
| ที่ตั้งของวัด |
เลขที่ 90 ถนนศรีอยุธยา แขวงวชิรพยาบาล เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทร. 02-281-2430 |
| การเดินทาง |
|