ที่มาของวัด |
วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม เป็นอารามหลวงชั้นเอกชนิดราชวรวิหาร เดิมเป็นวัดโบราณ ชื่อเดิมว่า “วัดแหลม” หรือ “วัดไทรทอง” สมัยรัชกาลที่ 5 กรมพระพิพิธโภคภูเบนทร์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 โปรดตั้งกองทัพรับขบถเจ้าอนุวงศ์ที่วัดนี้ หลังเสร็จจากการรบแล้วได้มีศรัทธาปฏิสังขรณ์วัดแหลม โดยร่วมกับพระเจ้าน้องยาเธอ รวม 4 พระองค์ คือ กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์ พระองค์เจ้าหญิงอินทนิล และพระองค์เจ้าหญิงวงศ์ ในการปฏิสังขรณ์ครั้งนี้โปรดให้สร้างพระเจดีย์ไว้เป็นอนุสรณ์ 5 องค์ เรียงอยู่ด้านหน้าวัด สมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดพระราชทานนามวัดใหม่ว่า “วัดเบญจมบพิตร” หมายถึง วัดของเจ้านาย 5 องค์ ต่อมารัชกาลที่ 5 ทรงขยายพระนคร ซื้อที่ดินบริเวณคลองสามเสนและคลองผดุงกรุงเกษมตอนเหนือของวัดเบญจมบพิตรที่ทรุดโทรมทรงทำผาติกรรมขึ้นเป็นวัดใหม่ให้งดงามสมกับเป็นพระอารามหลวง โปรดให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงค์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ เป็นประธานในการก่อสร้างวัดใหม่ทั้งหมดแล้วพระองค์ทรงเป็นประธานในการผูกพัทธสีมาในปี 2442 ทรงพระราชทานนามเติมอักษร “ม” และเพิ่มสร้อยว่า “วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม” หมายถึงวัดของพระเจ้าแผ่นดิน |
|
|
พระอุโบสถ |
พระอุโบสถ ประดับตกแต่งด้วยหินอ่อนทั้งหลัง อาคารทรงจัตุรมุข มีมุขเด็จยื่นออกมาทั้งด้านหน้าและด้านหลัง หลังคาซ้อนกัน 5 ชั้นมุงกระเบื้องกาบูสีเหลือง ลักษณะเป็นกาบโค้ง กระเบื้องเชิงชายเทพพนม มีระเบียงคดล้อมรอบ ประดับช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ลงรักปิดทอง หน้าบันแกะสลักด้วยไม้ลงรักปิดทองประดับกระจก หน้ามุขเด็จ ด้านหน้าเป็นรูปพระนารายณ์ทรงสุบรรณ ส่วนมุขเด็จด้านหลังเป็นรูปอุณาโลมประดับกระจก หน้าบันด้านอื่นๆ เป็นรูปต่างๆไม่ซ้ำกัน ฝาผนังภายในเขียนภาพลายไทยเทพพนมทรงข้าวบิณฑ์สีเหลืองตลอดถึงเพดาน บนขื่อทั้งหมดมีภาพเขียนลายทองรดน้ำ เพดานประดับดาวกระจาย ซุ้มหน้าต่างเป็นเรือนแก้วฐานเท้าสิงห์ บานประตู 3 ด้าน จำหลักโลหะภาพนูน ด้านหน้าเป็นภาพมารผจญ ด้านเหนือเป็นภาพเจดีย์จุฬามณี ด้านใต้เป็นภาพพระพุทธเจ้าเสด็จจากดาวดึงส์ ที่ซุ้มมุขด้านตะวันตกประดิษฐานพระพุทธรูปยืนองค์ใหญ่ปิดทอง เป็นพระพุทธรูปที่หล่อจากเศษทองที่เหลือจากการหล่อพระพุทธชินราชจำลองเรียกกันทั่วไปว่า “หลวงพ่อธรรมจักร” |
|
|
พระวิหารสมเด็จ (ส.ผ.) |
พระวิหารสมเด็จ (ส.ผ.) สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี 2445 เพื่อใช้เป็นหอพระธรรมมีชื่อว่า หอสมุดพุทธสาสนสังคหะ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธนรสิงห์จำลอง พระฝาง และพระพุทธรูปโบราณต่างๆ |
|
|
พระที่นั่งทรงธรรม |
พระที่นั่งทรงธรรม สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา โปรดให้สร้างเพื่ออุทิศถวายเจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร เมื่อปี 2445 พระบาทสมเด็จจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระประสงค์ใช้เป็นที่ประทับทรงศีลในวัดอุโบสถ |
|
|
ศาลาบัณณรศภาค |
ศาลาบัณณรศภาค สร้างเมื่อปี 2444 เพื่อใช้เป็นโรงฉัน ด้วยทุนทรัพย์ของพระบรมวงศานุวงศ์ ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณส่วนหนึ่งและเป็นที่บำเพ็ญกุศลในโอกาสต่าง ๆ |
|
|
ศาลาร้อยปีปิยมหาราชอนุสรณ์ |
เป็นอาคารชั้นเดียวสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์ในอภิลักขิตสมัยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จเสวยราชสมบัติครบรอบ 100 ปี ที่มุขด้านหน้าประดิษฐานพระบรมรูปของ สมเด็จพระปิยมหาราชเจ้า |
|
|
พระประธานในพระอุโบสถ |
พระประธานในพระอุโบสถ จำลองจากองค์จริงที่จังหวัดพิษณุโลกคือ พระพุทธชินราช พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หล่อเมื่อปี 2444 เป็นพระนั่งสมาธิราบ ปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย |
|
|
พระที่นั่งทรงผนวช |
พระที่นั่งทรงผนวช เดิมอยู่ในพระบรมมหาราชวังเป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเมื่อทรงผนวชในปี 2416 ต่อมาโปรดให้รื้อมาสร้างถวายวัดเบญจมบพิตร ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพระราชกรณียกิจและเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 |
|
|
ที่ตั้งของวัด |
69 ถนนพระรามที่ 5 แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300
โทร. 098-395-4289 |
การเดินทาง |
|